Game Review : Ultimate Werewolf

Introduction

               Ultimate Werewolf นั้นเป็น Card Games ซึ่งสามารถเล่นได้ตั้งแต่ 5 คนถึงสูงสุด 68 คน โดยตัวเกมจะแบ่งเป็นสองฝ่าย แบ่งเป็นฝ่าย Werewolf และฝ่ายมนุษย์ ซึ่งฝ่าย Werewolf มีหน้าที่กำจัดมนุษย์ให้หมดในเวลากลางคืนก่อนที่จะถูกจับและฆ่าในเวลากลางวัน ในขณะที่ฝ่ายมนุษย์มีหน้าที่พยายามหาตัว Werewolf และร่วมมือกันชี้ตัวและฆ่าให้ได้ก่อนที่จะถูกจับกินทั้งหมด

Gameplay

               วิธีการเล่นหลักๆของ Ultimate Werewolf จะเริ่มจากการสุ่มการ์ดที่จะกำหนดบทบาทของตัวเองในตอนต้นของเกมซึ่งตัวละครที่ได้จะมีอยู่ 2 ฝ่ายหลักๆคือฝ่าย Werewolf และฝ่ายมนุษย์ โดยที่ตัวละครต่างๆก็จะมีความสามารถพิเศษเป็นของตัวเอง

                   หลังจากที่ได้ตัวละครของตนเองแล้วจะต้องเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ หลังจากนั้นกรรมการของเกมซึ่งจะเป็นคนที่คอยให้สัญญาณต่างๆในเกมก็จะให้เริ่มเกม
                   ในเกมจะแบ่งช่วงเวลาเป็นสองช่วงคือช่วงกลางวันและช่วงกลางคืนโดยเริ่มต้นจะเป็นช่วงกลางวัน ในตอนนี้ทุกคนจะยังไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แค่เพียงคุยกันเท่านั้น หลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงกลางคืนที่จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ โดยเหตุการณ์หลักๆคือฝั่ง werewolf จะสามารถเลือกกำจัดคนได้ 1 คนในหมู่บ้านซึ่งในขณะนั้นผู้เล่นคนอื่นจะต้องหลับตาเพื่อไม่ให้รู้ว่าใครเป็น werewolf

          Analysis

                 ประสบการณ์ที่ได้จากการเล่น

                 เกม Ultimate Werewolf เป็นเกมที่เน้นการพูดคุยกับคนที่เล่นด้วยกันถึงจะเกิดความสนุก ผู้เล่นจะต้องคอยวิเคราะห์และวางแผนเสมอว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปหรือควรปฏิบัติตนอย่างไร โดยทั้งนี้ทั้งนั้นการเล่นเองก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคลด้วยว่าอยากให้เกมดำเนินไปในทิศทางแบบใด ในเกมนี้การสื่อสารถือเป็นการสร้างสีสันให้กับเกมไม่ว่าจะเป็นการหลอกล่อ ใช้คำโกหก การโน้มน้าวจิตใจ จะทำให้เกิดความสนุกในการเล่นเกมมากขึ้น

                โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการเล่นเกมนี้กับคนที่สนิทกันและกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันจะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก หากเราเล่นกับคนไม่รู้จักเราจะสามารถจับทางการโกหกหรือการพูดต่างๆของคนอื่นได้ยากเพราะเรายังไม่รู้นิสัยในการเล่นของเขา การเล่นแบบนี้จะอาศัยการใช้ความสามารถของไพ่ต่างๆเป็นส่วนร่วมในการตัดสินใจและเอาชนะเกมมากกว่าการเล่นกับคนที่สนิทกัน

                  การเล่นกับคนที่สนิทกันนั้นค่อนข้างที่จะมีสีสันมากกว่าและต้องใช้ความระมัดระวังยิ่งขึ้นเพราะว่าแต่ละคนก็จะรู้นิสัยของกันและกันดีอยู่แล้ว การกระทำต่างๆก็ต้องใช้การวางแผนและหลักจิตวิทยาเพื่อหลอกล่อหรือโน้มน้าวจิตใจผู้อื่น การเล่นแบบนี้จะยิ่งท้าทายและใช้ความสามารถ ดังนั้นจะเพิ่มสีสันและความสนุกให้กับการเล่นอย่างมากมาย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยของผู้เล่นแต่ละคนด้วย การเล่นกับคนที่ต่างกันไปก็จะได้รับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน

                  ความแตกต่างในการเล่นของทั้งสองฝ่าย

                 ทั้งฝ่าย Werewolf และมนุษย์นั้นมีวิธีการเล่นที่ต่างกันอยู่ แต่ทั้งนี้การเล่นของแต่ละฝ่ายก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เล่นด้วย หากมีผู้เล่นไม่มากเช่น 10-12 คน การเล่นเป็นฝ่ายมนุษย์จะค่อนข้างยากเพราะหากจับตัว werewolf ได้ช้าในช่วงคืนหลังๆก็มีโอกาสที่จะไม่สามารถสู้เสียงการโหวตในตอนกลางวันได้ ดังนั้นฝั่งชาวบ้านควรมีการวางแผนที่ดีและใช้ความสามารถของตัวละครที่ได้รับให้เกิดประโยชน์ที่สุด บางครั้งการที่ Seer ซึ่งสามารถตรวจหา werewolf ได้ยอมเปิดเผยตัวเพื่อที่จะลดประชากร werewolf ได้ก็ถือเป็นการเสียสละที่คุ้มค่า เพราะถึงอย่างไร Seer ก็ไม่สามารถที่จะโกหกได้ หาก Seer โกหกตัว werewolf คนอื่นก็จะรู้ว่าไม่ใช่ Seer จริงๆซึ่งฝั่งมนุษย์จะไม่ทำแบบนี้เพราะจะยิ่งทำให้เสียเปรียบมากยิ่งขึ้น หากกำจัด werewolf ไปได้ 1 ตัวแล้วการเล่นหลังจากนั้นของฝ่ายมนุษย์ก็จะง่ายมากขึ้น

                  ในทางกลับกันฝ่าย Werewolf เป็นฝ่ายที่ค่อนข้างมีความได้เปรียบหากมีผู้เล่นน้อยเพราะตนเองมีความสามารถที่จะสร้างความปั่นป่วนให้กับฝั่งมนุษย์ได้ แต่จะต้องไม่ทำให้เด่นหรือผิดวิสัยโดยจะต้องดูจากนิสัยของผู้เล่นด้วย แต่ Werewolf ก็มีวิธีการเล่นที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับตนได้หลายแบบ เช่น การอ้างตนเองว่าเป็น Seer แล้วบอกให้คนโหวต Werewolf อีกตัวหนึ่งเพื่อให้ฝั่งมนุษย์เลิกสงสัยในตัวเองได้อย่างง่ายดาย แต่การปลอมเป็น Seer นั้นมีข้อแม้อยู่ว่าตนเองต้องอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ เช่น ฝั่งมนุษย์เหลือจำนวนน้อยแล้วเราสามารถที่จะโหวตชนะได้ เพราะหากอ้างว่าตัวเองเป็น Seer แล้ว Seer ที่แท้จริงก็จะรู้ว่าใครเป็น werewolf และสามารถที่จะถูกกำจัดทิ้งได้เช่นกัน

             การเล่นหลักๆของทั้งสองฝ่ายจะมีจุดที่คล้ายกันคือต้องใช้ไหวพริบคอยสังเกตุและเดาบทบาทของผู้อื่นที่เล่นด้วยว่าผู้อื่นได้รับบทบาทอะไร การพูดมากเกินไปก็อาจเป็นการเปิดเผยบทบาทของตนเองได้ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงควรเล่นด้วยความระมัดระวัง

               PRO and CON

          ข้อดี    - เป็นเกมที่ใช้ไหวพริบในการเล่น
                      - มีความหลากหลายในการเล่นแต่ละครั้ง การเล่นแต่ละครั้งจะไม่เกิดความซ้ำซาก
                      - สามารถมีผู้เล่นได้หลายคน ตั้งแต่ 5 จนมากถึง 60 คน
                      - เสริมสร้างการสื่อสารระหว่างผู้ที่เล่นและความสนิทสนม
                      - ได้ฝึกฝนการใช้หลักจิตวิทยา ซึ่งสามารถประยุกต์ไปใช้ในสถาณการณ์อื่นได้

         ข้อเสีย  - อาจมีความไม่เท่าเทียมกันในแต่ละช่วงของเกม ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เล่น
                      - ผู้เล่นอาจจะไม่เกิดความสนุกหากเล่นกับผู้ที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่สนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง                              หากเล่นกับผู้ที่มาเป็นกลุ่ม  

                 สรุป

              Ultimate werewolf เป็นเกมที่เน้นการใช้ไหวพริบในการเล่น โดยจับเอาความต้องการในการเอาตัวรอดมาให้ผู้เล่นใช้เป็นแรงผลักดันให้เกิดการวางแผนและพูดคุยกับผู้ที่เล่นด้วยกัน การพยายามเอาชนะอีกฝั่งด้วยการวางแผนนั้นถือว่าเป็นความสนุกของเกมนี้