Sunday, December 21, 2014

Review Game Eco Crash-Prototype

โปรโตไทป์แรก

ในตอนที่คิดโปรโตไทป์แรกนั้นกลุ่มของผมคิดระบบไว้ว่าจะเป็นการแลกการ์ดโดยเล่นสลับที่ละคน ซึ่งในตอนแรกคิดไว้ว่าหากเราแลกกับคนอื่นโดยไม่รู้การ์ดของคนอื่นแล้วจะทำให้การเล่นสนุกและต้องใช้ไหวพริบมากขึ้น เพราะต้องคอยสังเกตุว่าคนอื่นจะลงการ์ดแบบไหนแล้วการ์ดแบบไหนที่เราเอาไปใช้แล้วจะได้เปรียบ และเนื่องจากในช่วงที่เรียนแรกๆได้ลองเล่นเกม Ultimate Werewolf ที่ต้องใช้การ Bluff กันในการเล่น จึงทำให้ไอเดียในเกมแรกเป็นแบบที่เน้นการ Bluff แต่เสริมระบบการแลกการ์ดเข้าไปให้ไม่ซ้ำกับเกมอื่น แต่ผลปรากฏว่าเกมที่ได้ออกมานั้นเจอปัญหามากมาย เช่น จำนวนการ์ดมากเกินไป ผู้เล่นไม่สามารถจำการ์ดได้ และ ระบบเกมเป็นการสุ่มมากเกินไป ส่วนมากมักใช้การเดาในการเล่นมากกว่า ทำให้เกมทำออกมาได้ค่อนข้างแย่ จนในที่สุดกลุ่มผมก็เลยทิ้งความคิดนั้นไปในที่สุดและเริ่มคิดเกมไหม่ขึ้นมา เพราะไม่สามารถทำเกมแรกต่อได้

เปรียบเทียบเกมแรกกับเกมในปัจจุบัน


เกมในปัจจุบันของกลุ่มผมเปลี่ยนไปมากจนแทบจะไม่มีเค้าเดิมเหลืออยู่เลย สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือเรื่อง Theme ที่คิดวาจะให้เป็นเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดของสัตว์ป่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ได้รับการปรับเปลี่ยนระบบการเล่นมากมายจนไม่เหลือเค้าเดิม

หลายสิ่งได้รับการพัฒนาไปอย่างมากจนเมื่อมองผ่านกลับไปอีกครั้งก็รู้สึกว่าเป็นงานที่น่าภาคภูมิใจ ถึงแม้ว่าจะมีบางอย่างไม่สมบูรณ์ ผิดพลาด อยู่บ้างแต่ก็รู้สึกว่าเป็นงานที่ทุกคนในกลุ่มร่วมแรงร่วมใจกันทำอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดเกมนี้ขึ้นมาได้ หากพูดถึงความพัฒนาเมื่อเทียบกับโปรโตไทป์แรกแล้ว จะเห็นความพัฒนาขึ้นอย่างมากในทุกๆด้าน

       1. ด้านเกมเพลย์
ในตอนแรกนั้นเกมเพลย์เป็นการเน้นการเล่นหลายคนซึ่งถูกเปลี่ยนจนกลายเป็นเกมที่เล่นได้สองคน Mechanic หลักของเกมก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย เกมในปัจจุบันมีการเล่นที่คล้ายกับหมากรุกซึ่งต่างจากในเกมแรกที่ได้แนวคิดมาจากเกม Ultimate Werewolf ที่เน้นการ Bluff เกมในปัจจุบันถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียวหากเทียบกับเกมแรกที่ใช้ความจำเพียงอย่างเดียว


      2. ด้านกราฟฟิก
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถนำกราฟฟิกของสองเกมมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากโปรโตไทป์เกมแรกนั้นยังไม่มีกราฟฟิกที่ออกแบบมาเป็นรูปเป็นร่าง แต่ถ้าหากพูดถึงการพัฒนาในด้านกราฟฟิกที่เกิดขึ้น เกมในปัจจุบันนั้นตัวผมเองถือว่าพอใจกับสิ่งที่มีออกมามาก ถึงแม้ว่าตัวผมในด้านคนทำกราฟฟิกคนหนึ่งจะยังไม่พอใจ 100% กับภาพที่ออกมาทั้งหมด แต่เมื่อดูภาพรวมผลงานแล้วก็รู้สึกได้ว่าเป็นก้าวแรกที่ดี ในการที่จะพัฒนาตนเองต่อไป เพราะงานนี้ทำให้ผมเห็นว่า ความพยายามนั้นแสดงให้เกิดผลได้จริงๆ


    3.ด้าน Product
ด้าน Product เองก็เช่นเดียวกับกราฟฟิกเพราะว่าในเกมแรกนั้นยังไม่มีผลงานอะไรออกมาเลย ในตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Product นั้นจะต้องมีอะไรบ้าง แต่ในปัจจุบันตัว Product เกมทำออกมาได้สวยงามและน่าเล่นกว่าในตอนแรกที่ผมคิดไว้มาก ซึ่งในส่วนนี้ต้องขอบคุณสมาชิกกลุ่มคนอื่นที่ช่วยกันทำจนออกมาได้ดีขนาดนี้


ถ้าหากกลับไปเริ่มต้นจากโปรโตไทป์แรก

ถ้าหากผมกลับไปเริ่มต้นคิดเกมไหม่จากโปรโตไทป์แรก ผมก็อยากจะทำเกมในระบบการเล่นที่คล้ายๆกับที่ออกแบบไว้ในตอนแรก คือการแลกการ์ด เพราะผมคิดว่าการยอมแพ้ในตอนแรกของผมนั้นดูง่ายเกินไป ถ้าเกิดลองคิดดีๆก็น่าจะมีวิธีที่สามารถทำให้ระบบการเล่นของเกมแรกสนุกได้ เช่น เดียวกับเกมในปัจจุบัน เพราะ เกมในปัจจุบันเองก็ถูกปรับแก้อยู่หลายครั้ง กว่าที่จะมาเป็นในปัจจุบัน ถ้าหากปรับเกมแรกผ่านการลองเล่น แล้วปรับแก้ อาจจะต้องใช้เวลา แต่ผมคิดว่าน่าจะทำให้เป็นเกมที่สนุกขึ้นมาได้ เช่นการลดจำนวนการ์ดในมือผู้เล่นแต่ละคน อาจจะเหลือเพียง 2-3 ใบ เพื่อให้ง่ายต่อความจำเป็นต้น ที่ผ่านมาหนึ่งเทอม ทำให้ผมได้รับความคิดไหม่ในการพัฒนาเกม ผมคิดว่าการทำเกมเดิมนั้นให้ดีขึ้นนั้นเป็นไปได้ ดังนั้นหากเลือกได้ ผมขอเลือกทำเกมแรกเป็นแนวเดิมที่คิดไว้ในตอนต้น


Saturday, November 15, 2014

Report

รายงาน

            ในวันที่ร้านลานละเล่นมาจัดกิจกรรมเล่นบอร์ดเกมในพุธ พวกเราได้ทดลองเล่นเกมบอร์ดที่มีประโยชน์ช่วยสร้างความคิดหรือเสริมระบบให้กับเกมของกลุ่มตนเองมากมาย เนื่องจากเกมของพวกเราเป็นเกมกระดานที่ใช้การวางแผนเป็นหลัก เกมกระดานที่เล่นจึงเน้นไปทางเกมที่เป็นวางแผนเช่นกัน ซึ่งช่วยเปิดความคิดได้มาก หลังจากที่ไม่สามารถพัตนาเกมต่อไปได้ระยะหนึ่ง

            ประโยชน์ที่ได้จากการเล่นเกมบอร์ดจากกิจกรรมของร้านลานละเล่น

           
            ด้านระบบการเล่นพวกเราได้ทดลองเล่นเกมกระดานหลายเกม ได้แก่ Carmel Up, The Resistance, SmallWorld, Kings of Tokyo และ Stone Ages อีกทั้งเรายังได้ดูคนอื่นเล่นเกมอื่นๆอีก ทั้งนี้เราได้เห็นไอเดียในด้านการเล่นมากมาย แต่โดยมากนั้นเป็นคนละแนวกับที่พวกเราสร้าง จึงทำให้ไม่ได้นำไอเดียจากบางเกมมาใช้ แต่ก็มีบางเกมที่เราได้นำระบบบางอย่างมาประกอบกับแกมที่มีอยู่แล้ว เช่น ระบบการวางการ์ดเลือกตัวละครของเกม Small Worlds ซึ่งเป็นการวางตัวละครเรียงกันและผู้เล่นจะต้องจ่ายเงินมากขึ้นตามระยะห่างของการ์ดตัวละครแต่ละใบ ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้ผู้เล่นต้องวางแผน เพื่อตรวจดูความได้เปรียบเสียเปรียบในเวลานั้น ซึ่งกลุ่มเราหลังจากได้เห็นความคิดนี้ก็ได้นำมาประยุกต์ใช้กับเกมของตัวเอง จากที่ในตอนแรกเกมของเราให้ผู้เล่นเลือกตัวละครใดก็ได้ซึ่งทำให้มีตัวเลือกมากเกินไป จึงเปลี่ยนเป็นการสุ่มการ์ดตัวละครมาวาง 3 ตัว ซึ่งคล้ายกับระบบของเกม Small Worlds ซึ่งช่วยกำจัดจุดที่ทำให้มีตัวเลือกมากเกินไปออกไปได้

            ในด้านธีม ถึงแม้ว่ากลุ่มเราจะมีธีมไว้อยู่แล้วแต่การได้ดูเกมที่มีธีมต่างออกไปก็ช่วยในการคิดธีมเพิ่มของกลุ่มเราได้ เช่น SmallWorld ซึ่งเป็นธีมที่เกี่ยวกับการรบเพื่อแย่งชิงพื้นที่ ซึ่งคล้ายกับธีมที่คิดไว้อยู่แล้ว คือการแย่งชิงพื้นที่เพื่อให้ได้เปรียบ ซึ่งเราสามารถนำมาปรับปรุงในด้านความชัดเจนของธีมเราได้ เนื่องจากในตอนแรกการที่สัตว์แปลงร่างไปเรื่อยๆได้นั้นยังดูไม่ปกติ แต่การ decline ของเกม SmallWorld ช่วยเสริมในส่วนนี้ได้ และ เกม  Kings of Tokyo ซึ่งเป็นการแย่งกันเพื่อเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด เช่นเดียวกับธีมเกมที่เราทำ การทำให้สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีความโดดเด่นแตกต่างกัน


            ในด้าน Product  เกม SmallWorld ที่มีภูขาที่สูงกว่าพื้นที่อื่นๆ ทำให้พื้นที่ที่เป็นภูเขาสามารถดูได้ง่าย ในกลุ่มจึงตกลงกันว่าจะทำพื้นที่ที่เป็นภูเขาให้สูงขึ้นแบบเดียวกับเกม SmallWorld ทำให้ดูง่ายกว่าในตอนแรก

Thursday, October 30, 2014

Script


                Scene  – สนามรบ
                บนทุ่งราบซึ่งดูเหมือนว่าจะเกิดสงครามการปะทะกันครั้งใหญ่ระหว่างกองทัพมหาอำนาจสองฝั่ง ซึ่งหากดูจากศพมากมายที่ล้มตายอยู่แล้วดูเหมือนจะเป็นศึกสงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจ คุณฟื้นขึ้นมาท่ามกลางกองซากศพของทหารนับพัน กลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่ว สมองของคุณนั้นยังคงมึนงงและจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้ราวกับถูกของแข็งกระแทกที่หัวอย่างแรง ในขณะที่กำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น คุณก็หันมองไปรอบๆ สนามรบนี้ไร้วี่แววของทหารที่รอดชีวิตทั้งของฝ่ายมนุษย์และฝ่ายปีศาจ ทำให้คุณตระหนักได้ว่าคุณเป็นผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวของสนามรบแห่งนี้

หลังจากที่คุณลุกขึ้นและเรียกสติกลับมาได้แล้ว คุณพยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แต่คุณกลับนึกอะไรไม่ออกเลยรวมถึงทั้งอดีตและรวมทั้งสิ่งที่จะทำต่อไปด้วย ในสมองของคุณ มีเพียงภาพเลือนลางของเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ ที่มีผู้คนชุกชม แสงสว่างอันอบอุ่มโอบล้อมอยู่ ด้วยความที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับอดีตและความทรงจำของตน คุณเลือกที่จะไปหาเบาะแสเดียวที่เหลืออยู่ เมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ‘Sanctuary’ ด้วยความทรงจำอันเลือนลางคุณจำได้เพียงว่าเมืองหลวงนี้อยู่ทางทิศใต้ของสนามรบนี้ ด้วยเบาะแสอันน้อยนิดนี้คุณตัดสินใจออกเดินทางไปทางใต้

Scene – บ้านชาวนา
หลังจากที่เดินทางมาได้ครึ่งค่อนวัน วิวทิวทัศน์รอบข้างก็เริ่มเปลี่ยนไป จากเนินเขาสูงใหญ่ก็เริ่มกลายเป็นที่ราบมากขึ้น ซากศพที่เคยเกลื่อนกลาดอยู่ตามทางก็หายไป คุณเดินทางจนกระทั่งพบบ้านเล็กๆหลังหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบ้านของพลเมืองที่อาศัยอยู่ที่ชนบท คุณตัดสินใจเข้าไปถามเส้นทางเพราะคิดว่า หากเดินทางต่อไปโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยคงเป็นการยากที่จะไปถึงเมืองหลวงโดยเร็วได้

คุณหยุดยืนที่บ้านหลังนั้นพร้อมทั้งเรียกผู้ที่อยู่ข้างในเบาๆด้วยเสียงแหบแห้งจากความเหน็ดเหนื่อย ผู้ที่อยู่ด้านในก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลและเหนื่อยอ่อน พร้อมทั้งเปิดประตูออกมา

ชายที่เปิดประตูออกมาเป็นชายสูงอายุท่าทางอ่อนแรง คุณแอบลอบเห็นว่าภายในบ้านหลังนั้นยังมีเด็กผู้หญิงซึ่งอายุไม่มากแอบอยู่สองคน ชายที่เปิดประตูทำท่าตกใจเล็กน้อยก่อนทำสีหน้าอ่อนล้าแต่ก็เป็นปกติ

ขอโทษนะครับ คือผมต้องการทราบทางไปเมืองหลวงน่ะครับ

..เจ้าเป็นทหารอย่างนั้นหรือ ชายแก่กล่าวก่อนที่จะเว้นวรรคชั่วครู่ แล้วพูดขึ้นต่ออย่างกล้าๆกลัวๆ

สงครามจบแล้วสินะ

ในสนามรบนั้นไม่มีผู้เหลือรอดอยู่อีกแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้นอกเหนือจากนั้นว่าสงครามจบหรือยัง

อย่างงั้นเองหรอกรึเจ้าเจ้ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะ ข้าคิดว่าตอนแรกครอบครัวและบ้านของข้าจะไม่รอดซะแล้ว

ไม่รอดจากอะไรครับ

จากสงครามน่ะข้าน่ะอยู่ใกล้กับสถาณที่ที่เกิดสงครามครั้งนี้มาก และไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ ข้าคิดว่าพวกทหารที่หิวโซและอดอยากจะเข้ามาปล้นบ้านของชาวนาที่ไร้ทางสู้อย่างข้าน่ะสิ

มนุษย์ด้วยกันคงจะไม่ทำอย่างนั้น…’

เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นคนดีนะ ถึงหน้าตาเจ้าจะน่ากลัว แต่เจ้าน่ะรู้จักมนุษย์น้อยเกินไป ความจริงแล้วจะมนุษย์หรือปีศาจก็ทำเพียงเพื่อตัวเองเท่านั้นแหละ

คุณซึ่งเสียความทรงจำไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยแต่ดูเหมือนว่าในสายตาของชาวบ้านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจก็ไม่แตกต่างกัน สงครามสำหรับชาวนาแล้วคงมีแต่ความสูญเสียเท่านั้น

ข้าดีใจนะ ที่เจ้าน่ะเป็นคนดี ไม่งั้นข้ากับหลานข้าคงจะไม่รอดแน่ๆ

ถ้าเกิดว่าสงครามมันอันตราย ทำไมคุณถึงไม่ย้ายไปที่อื่นล่ะครับ

เจ้าอาจจะไม่รู้ แต่ในดินแดนมนุษย์น่ะ ชาวนาจนๆอย่างข้าไม่มีเงินพอที่จะเดินทางไปไหนหรอก แล้วในดินแดนแห่งนี้ก็ชุกชมไปด้วยโจร ไม่มีทางที่คนแก่กับเด็กจะเดินทางไปไหนได้หรอก

แล้วพ่อแม่ของเด็กๆ…’

พ่อแม่เค้าต้องเดินทางไปทำงานในเมืองน่ะ ชาวนาอย่างข้าในช่วงสงครามแบบนี้ผลผลิตไม่พอที่จะเอาไปขายเลี้ยงปากท้อง 5-6 ชีวิตหรอก

อย่างนี้เอง

เอาล่ะพ่อหนุ่ม ข้าชวนเจ้าคุยมามากพอแล้ว เจ้าจะหาทางไปเมืองหลวงใช่มั้ย

ครับ

ก่อนไปข้าขอถามเจ้าหน่อยได้มั้ย เจ้าต้องการจะไปทำอะไรที่นั่นอย่างงั้นหรือ

ไม่ทราบครับ ผมเสียความทรงจำไป จำได้แค่เพียงภาพของเมืองหลวงเท่านั้น ก็หวังแค่ว่าการไปที่นั่นจะทำให้ผมได้คำตอบ

ชายแก่ทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างนี้เอง หลังจากนั้นชายแก่ก็เอ่ยขึ้น

                ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอให้เจ้าโชคดีนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อ้อแล้วก็รับนี่ไว้นะ ถึงมันจะไม่ได้มากมายอะไร

                ชายแก่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยื่นถึงข้าวสารเล็กให้ถุงหนึ่ง หลังจากนั้นก็บอกเส้นทางที่จะเข้าเมืองหลวงให้คุณฟัง หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้วคุณก็เริ่มออกเดินทางต่อพร้อมกับความคิดต่างๆที่เริ่มเกิดขึ้นมาในหัว คุณได้เห็นถึงความลำบากในชนบทซึ่งแตกต่างกับภาพเมืองหลวงในความทรงจำของคุณอย่างมาก

                ผ่านไปสามวันสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณก็เปลี่ยนไปอย่างมาก รายล้อมรอบตัวคุณเต็มไปด้วยบ้านเรือนและมีถนนมากมายหลายเส้นตัดผ่านไปมา ระหว่างนั้นคุณก็เห็นผู้คนหลายคนเดินผ่านไปมาตามถนน ทำให้คุณมั่นใจว่าคุณเข้าใกล้เขตเมืองหลวงแล้ว แต่น่าจะด้วยกลิ่มคาวเลือดและอาวุธที่คุณถือมา ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้คุณ จนในที่สุดคุณก็มาหยุดยืนที่ประตูขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ติดกับกำแพงสูงตระหง่านที่ลายล้อมรอบเมืองนี้ไว้ ทำให้คุณมั่นใจได้ทันที่ว่าภาพนี้คือเมืองหลวงที่คุณตามหาอย่างแน่นอน


                Scene  – Capital
                หลังจากเข้าถึงตัวเมืองหลวง ภาพที่คุณเห็นในหัวอันเลือนลางก็ซ้อนทับกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยผู้คน พร้อมกับแสงแดดอันอบอุ่นของตอนใต้ คุณรู้สึกถึงความคิดถึงบ้านอย่างเปี่ยมล้นแต่ก็กลับรู้สึกถึงความไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน และคุณก็ยังจำเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้

                ด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่พรั่งพลูปนกันไปหมดทำให้คุณไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป คุณเลยตัดสินใจที่จะเดินในเมืองก่อนเผื่อว่าจะได้ความทรงจำอะไรกลับมาหรือมีสถาณที่คุ้นตาบ้าง

                ระหว่างที่คุณเดินไปในตัวเมืองได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง คุณก็สังเกตุว่าชาวเมืองที่เคยพลุกพล่านเริ่มหายไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว หลังจากที่คิดได้ไม่นานก็มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาหาคุณ คนกลุ่มนี้แต่งตัวเหมือนกับทหารยามและยังถืออาวุธมาอีกด้วย

                แก ถ้าแกฟังรู้เรื่องล่ะก็วางอาวุธแล้วยอมแพ้ซะ ถ้าแกยอมแพ้ตอนนี้พวกเราสัญญาว่า แกจะได้รับการประหารอย่างไม่ทรมาณ ทหารคนหนึ่งตะโกนบอกพร้อมกับเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้

ประหาร? ทำไมจะต้องประหารทหารที่ไปทำสงครามมาให้ด้วย มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่? พระราชารู้เรื่องนี้รึเปล่า? หรือนี่คือคำสั่งของพระราชา? คำถามเต็มหัวของคุณไปหมด ในขณะที่คุณมึนงงอยู่นี้ทหารคนหนึ่งก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้คุณ คุณเลือกที่จะ

1.ต่อสู้เพื่อหาทางหนีออกไป (อ่านต่อที่ a)
2.ยอมแพ้แต่โดยดี (อ่านต่อที่ b)

A คุณหยิบอาวุธที่ติดตัวคุณมาพร้อมกับเหวี่ยงไปที่ทหารคนหนึ่ง พร้อมทั้งเตรียมตัววิ่งหนี แต่กลายเป็นว่าแรงเหวี่ยงอาวุธของคุณนั้นทำให้ทหารคนที่โดนกระเด็นไปไกลกระแทกกับกำแพง ดูเหมือนว่าจะทำให้เขาขาดใจตายทันที ด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีแรงมากมายขนาดนั้น คุณจึงทิ้งอาวุธและยอมให้ทหารลากตัวคุณไปแต่โดยดี

Scene – Dungeon
หลังจากที่ยอมแพ้คุณก็ถูกลากตัวมาในคุกใต้ดินของปราสาท ภายในคุกนั้นทหารที่ลากคุณมาก็บอกกับคุณว่าคุณจะโดนประหารในวันรุ่งขึ้น

ในคืนนั้นคุณพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้น แรงมหาศาลของตนเองดูเหมือนจะ ตนจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน แล้วทำไมถึงอยู่ที่สงครามนั่นล่ะ คุณไปในฐานะอะไร? ฮีโร่ผู้ปราบปีศาจอย่างนั้นหรือ แต่ไม่ว่าคุณจะพยายามคิดอะไรเท่าไหร่ก็ไม่มีคำตอบอะไรโผล่ออกมาจากหัวคุณเลย คุณจึงเลือกที่จะใช้เวลาจ้องกำแพงอันว่างเปล่าของคุกใต้ดินนั้นพร้อมทั้งยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับตนเองในวันรุ่งขึ้น

ในวันรุ่งขึ้นนั้นทหารก็ลากตัวคุณไปยังลานประหาร ซึ่งคุณก็เดินตามไปอย่างไม่ขัดขืน เมื่อคุณเดินออกมาระหว่างทางคุณพบกับผู้คนจำนวนมากที่มารอชมการประหารของคุณ ทำให้เกิดความความสงสัยว่าตนเป็นใคร ทำไมคนถึงใส่ใจการประหารของนักโทษธรรมดาๆคนนึง หรือว่าคุณจะไม่ใช่เพียงคนธรรมดาๆ แต่คำถามนี้ก็คงไม่มีใครตอบคุณได้จวบจนวาระสุดท้ายของคุณ
หลังจากการประหารจบลงแล้วชื่อของคุณก็ได้จารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่รอดพ้นจากสงครามครั้งใหญ่และยอมตายอย่างสงบและสมเกียรติ’(END)

B – คุณทิ้งอาวุธและยอมแพ้แต่โดยดี ทหารคนหนึ่งเข้ามาจับตัวคุณไว้พร้อมลากตัวคุณไป โดยบอกกับคุณว่าเขาจะพาคุณไปที่คุกใต้ดินและจะประหารคุณอย่างสมเกียรติในวันรุ่งขึ้นให้สมกับที่คุณยอมให้จับอย่างสงบ

ระหว่างทางนั้นคุณครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากนั้นจึงพูดกับทหารที่เดินนำอยู่ข้างหน้าของคุณ

พาผมไปพบพระราชาก่อนได้มั้ย?’

เจ้าจะไปพบพระราชาทำไม หรือว่าวางแผนอะไรไว้!’

ไม่ใช่แบบนั้น ผมยอมให้คุณมัดแขนขาผมไว้อย่างแน่นหนาก่อนพบพระราชาก็ได้

แล้วอย่างนั้นเจ้าจะไปพบพระราชาทำไม

ผมแค่อยากได้คำตอบบางอย่าง

ก็ได้ ข้าจะลองขอ Royal Guard ดู เห็นแก่ที่เจ้ายอมมาอย่างสงบ

หลังจากนั้นทหารที่เดินนำไปก็เปลี่ยนทิศทาง พาคุณเดินเข้าไปที่หน้าประตูปราสาท หลังจากนั้นคุณก็เห็นเขาพูดคุยอะไรบางอย่างกับทหารอีกคนหนึ่งที่แต่งชุดดูหรูหราและทรงพลังกว่า คุณคาดว่าน่าจะเป็น Royal Guard ที่เขาพูดถึง หลังจากคุยกันได้สักพักหนึ่ง ทหารที่แต่งชุดหรูหรากว่าก็เดินเข้าไปในประตูปราสาทครู่ใหญ่ๆจนกระทั่งมีเสียงตะโกนออกมา

เรียกเจ้าคนที่รอดจากสงครามมาได้ พระราชายอมให้เข้าเฝ้าแล้ว!’ เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับที่คุณกำลังคิดถึงเรื่องที่คนต่างๆที่นี่รู้ว่าคุณเป็นผู้ที่รอดจากสงครามได้อย่างไร

หลังจากนั้นคุณก็ได้ถูกพาเข้ามาที่ห้องโถง โดยมีทหารคนเดิมเป็นคนเดินนำคุณมา รอบๆทางเดินเต็มไปด้วยทหารที่แต่งชุดหรูหรา ด้านหน้าของคุณมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งแต่งชุดหรูหราพร้อมกับสวมมงกุฏอยู่ คุณรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นพระราชาอย่างแน่นอน ข้างๆกายของชายผู้นี้มีคนอีก 3-4 คนแต่งกายดูเหมือนว่าจะเป็นคนสำคัญยืนอยู่ จากนั้นก็มีเสียงคำสั่งให้คุกเข่า ทหารทุกคนที่นั่นก็คุกเข่าลง คุณเห็นดังนั้นก็คุกเข่าตามคนอื่นๆ

เอาล่ะดูเหมือนเจ้าจะต้องการคำตอบบางอย่าง บอกมาว่าเจ้าต้องการอะไรพระราชาพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจนและเด็ดขาด ใครฟังก็รู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้คือผู้ที่เป็นใหญ่และทรงอำนาจอย่างแน่นอน

ผม…’ คุณพูดขึ้นพร้อมกับเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะคำถามที่คุณมีอยู่นั้นมากมายและตีกันจนสับสนไปหมด คุณพยายามเรียบเรียงคำถามที่มีอยู่ในหัว และคุณก็ตัดสินใจถามคำถามที่คุณคาใจที่สุดออกไปก่อน

ทำไมท่านถึงต้องมีคำสั่งให้จับทหารมนุษย์ที่เหลือรอดกลับมาด้วย เราเป็นคนของท่านไม่ใช่หรือ?’

พระราชานิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมกับทำสีหน้าครุ่นคิดราวกับกำลังคิดบางอย่างอยู่จนในที่สุดก็พูดออกมา

เจ้าสูญเสียความทรงจำสินะ เจ้าถึงไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงทำแบบนี้คุณตกใจกับการวิเคราห์อันเฉียบแหลมของพระราชาพร้อมกับตอบกลับ

..ใช่แล้วขอรับ ท่านรู้ได้อย่างไร?’

เข้าใจล่ะพระราชาเอ่ยขึ้นก่อนจะพูดต่อ

การที่เจ้ากลับมาที่นี่ก็เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าสูญเสียความทรงจำ

หมายความว่าอย่างไรขอรับ

เจ้าคงไม่รู้ แต่ว่าคำสั่งของข้าคือ ไปจัดการกับราชาปีศาจให้สำเร็จ ถ้าหากมีใครกลับมาก่อนจะถือว่าเป็นการหนีทัพ

หลังจากได้ยินแบบนั้นคุณก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมถึงมีทหารมาจับคุณหลังจากที่เข้าเมืองได้ไม่นาน

อย่างนี้นี่เอง คุณเอ่ยขึ้นเบาๆ

เอาล่ะ ทหารของข้ารายงานว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่เหลือรอดจากสงครามนั้นอย่างงั้นหรือ

ใช่แล้วขอรับ

งั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า เห็นแก่ที่เจ้าสูญเสียความทรงจำ ข้าจะยกเลิกโทษของเจ้าให้

..จริงหรือขอรับ คุณรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของพระราชาอย่างมาก และยังรู้สึกดีใจที่จะได้มีโอกาสหาคำตอบของคำถามอื่นๆของตัวเองอีกด้วย

ใช่แล้ว แต่ข้ามีข้อแม้ เจ้าเป็นคนเดียวที่เหลือรอดมาได้ แสดงว่าเจ้าจะต้องมีฝีมือพอสมควร ดังนั้นข้าจะให้เจ้ากลับไปทำภารกิจเก่าของเจ้าให้สำเร็จ

ท่านหมายถึงให้ข้าไปกำจัดจอมปีศาจอย่างนั้นหรือ!’

ใช่

แต่ข้าเพียงคนเดียว จะสามารถบุกไปได้อย่างไรกัน

ถึงจะได้ชื่อว่าจอมปีศาจแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีความสามารถอะไรที่แข็งแกร่ง จอมปีศาจที่ว่าก็เหมือนกับตำแหน่งราชานี่แหละ ถ้าเจ้าลอบเข้าไปในวังของมันได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องสังหารมันได้อย่างแน่นอน

หลังจากคุณไตร่ตรองครู่หนึ่งกับคำพูดของพระราชาแล้ว คุณก็เห็นทางเลือกว่าอย่างน้อยคุณก็อาจมีโอกาสที่จะรอดมากกว่ารอโดนประหารอยู่ในคุกใต้ดิน

ก็ได้ขอรับแต่ก่อนจะไปกระผมมีคำถาม ผมอยากรู้อดีตของผมหากท่านจะสามารถ…’

ข้าจะตอบคำถามเจ้าทุกอย่างที่ข้าสามารถจะตอบได้ ทุกอย่าง และอย่างซื่อตรงข้าให้สัญญา

แต่ข้าจะตอบทั้งหมดหลังจากที่เจ้ากลับมาแล้วเท่านั้น

                ก็ได้ขอรับ

เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง ข้าจะให้คนใช้ของข้าพาเจ้าไปที่ห้องพัก เจ้าคงจะเหนื่อยมามากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะให้ช่างทำอาวุธและชุดเกราะทำของไหม่ให้เจ้าที่เหมาะกับการลอบเข้าเมืองมากกว่านี้

ขอบคุณมากขอรับ

หลังจากนั้นทหารก็เข้ามาแก้เชือกที่มัดมือและเท้าอยู่ให้กับคุณ และสาวใช้คนหนึ่งก็พาคุณไปที่ห้องพักห้องหนึ่งมี่อยู่ในปราสาท ระหว่างที่คุณกำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงในห้องพักนั้น สาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ก็เอ่ยขึ้น

ท่านสูญเสียความทรงจำอย่างนั้นหรือคะ

อืมใช่แล้วล่ะ

แต่ท่านก็ดูเป็นคนดีนะคะ ตอนแรกที่ดิฉันเห็นท่านอยู่ไกลๆดิฉันก็กลัวท่านมาก แต่พอเห็นหน้าท่านใกล้ๆและได้พูดคุยกับท่านทำให้ดิฉันเปลี่ยนความคิดไปเลยค่ะ

อย่างนั้นหรือหน้าผมน่ากลัวหรอ?’ คุณถามพร้อมกับครุ่นคิดถึงใบหน้าของตน เพราะคุณจำไม่ได้แม้แต่น้อยว่าใบหน้าของคุณเป็นอย่างไร ในขณะที่ครุ่นคิดคุณก็เอามือคลำโครงหน้าของตนเองไปด้วย หวังว่าจะพอเดาออกว่าโครงหน้าของตนเป็นอย่างไร

อ๊ะ! ขอโทษค่ะ คือดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าท่านนะคะ!’

ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร ผมเพียงแค่สงสัยเฉยๆน่ะ หลังจากนั้นคุณก็สังเกตุใบหน้าของสาวใช้ที่ดูผ่อนคลายขึ้นหลังจากใบหน้าเป็นกังวลอย่างมากในตอนแรก

ถ้าถามจริงๆแล้วดิฉันก็คิดว่าใบหน้าท่านน่ากลัวค่ะ แต่พอได้คุยด้วยแล้วท่านไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้เลย ทำให้ดิฉันก็คิดว่าไม่ควรมองคนแต่ภายนอกเหมือนกัน

หลังจากนั้นคุณก็คุยกับสาวใช้เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก่อนที่สาวใช้จะออกไป ก่อนออกไปเธอก็กล่าวขอโทษที่ห้องพักแขกที่ปราสาทแห่งนี้ไม่มีห้องน้ำ ทำให้คุณไม่สามารถอาบน้ำชะกลิ่นคาวเลือดออกไป อย่างไรก็ดี คุณก็รู้สึกพอใจมากพอแล้วกับการที่ได้นอนพักบนเตียงหลังจากเดินทางเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

ในวันรุ่งขึ้นคุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับเห็นชุดหนังที่ดูน้ำหนักเบาเหมาะกับการเดินทางและดาบสั้นอีกเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ คุณใส่ชุดที่เตรียมไว้และเดินลงมาที่ห้องโถง ในห้องโถงคุณพบกับพระราชาและทหารในชุดหรูหรา หลังจากนั้นพระราชาก็พูดบางอย่างกับคุณเกี่ยวกับการเดินทางไปเมืองปีศาจ เส้นทางที่น่าจะทำให้คุณไม่ตกเป็นเป้าสายตา แต่อย่างไรก็ดีหลังจากที่คุณเข้าเขตแดนของปีศาจแล้ว คุณจะต้องหาทางเอาเองและห้ามให้ปีศาจตัวใดรู้ตัวจริงของคุณได้เป็นอันขาด หลังจากนั้นพระราชาก็บอกว่า ชุดที่ช่างทำให้นั้นเป็นชุดหนังแบบเดียวกับชาวเมืองปีศาจที่ให้หน่วยราดตระเวณไปสอดแนมมา รวมทั้งมีฮู้ดที่ช่วยปกปิดหน้าตาได้ดี การลอบเข้าในที่ที่คนน้อยๆนั้นน่าจะทำได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ยกเว้นแต่เพียงบริเวณเขตวังของราชาปีศาจเท่านั้น หากมีใครเจอคุณก็อาจจะสงสัยได้

หลังจากนัดแนะกันเสร็จก็ออกเดินทางโดยมีสาวใช้คนที่เคยพาคุณไปส่งที่ห้องมาส่งคุณที่หน้าประตูเมือง ดูเหมือนเธอจะถูกใจคุณเข้าซะแล้ว

หลังจากนั้นคุณก็ออกเดินทางตามเส้นทางที่ได้นัดแนะไว้ โดยเส้นทางเหล่านั้นเป็นเส้นทางที่เลี่ยงเส้นทางเดิมที่คุณใช้ผ่านมมาและไม่ได้ผ่านสนามรบแต่เป็นการอ้อมสนามรบนั้นเพื่อเข้าไปยังด้านข้างของเขตแดนของปีศาจ

และในที่สุดคุณก็เดินลึกเข้ามาถึงในดินแดนของปีศาจ ซึ่งด้านที่คุณมาถึงนั้นค่อนข้างปราศจากผู้คนชาวปีศาจ ดูเหมือนว่าทางที่พระราชาเลือกให้นั้นจะใช้ได้ผลดีทีเดียว หลังจากนั้นคุณก็เปิดแผนที่ดูเพื่อดูว่าเมืองหลวงของปีศาจจะต้องเดินทางต่อไปทางใด หลังจากรู้เส้นทางแล้วคุณก็รอให้พระอาทิตย์ตกดินเพื่อให้ชาวเมืองปีศาจหลับหมดตามที่นัดแนะไว้

เมื่อตกมืดแล้วคุณก็ออกเดินทางจากจุดที่ซุ่มอยู่ ระหว่างที่คุณเดินทางคุณก็สังเกตุเห็นบ้านเรือนต่างๆของชาวปีศาจและชาวเมืองบางคน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้สงสัยคุณสักเท่าไหร่ พวกเขาเพียงมองคุณผ่านๆแล้วจึงเดินต่อไป

ในที่สุดคุณก็มาถึงเมืองหลวงของเหล่าปีศาจ เมืองหลวงนี้เต็มไปด้วยบ้านเรือนเช่นเดียวกับของมนุษย์ และเช่นเดียวกันมีกำแพงสูงตั้งตระหง่านอยู่ เนื่องจากคุณเห็นว่ามียามเฝ้าประตูคุณจึงเลือกที่จะปีนกำแพงสูงนี้ขึ้นไปเพื่อเข้าไปในเมือง ด้วยทักษะและกำลังของคุณทำให้คุณปีนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จนเมื่อคุณมายืนอยู่บนยอดสุดของกำแพงคุณก็ต้องทึ่งกับวิวทิวทัศน์ คุณไม่เคยคิดว่าวิวทิวทัศน์ของเมืองปีศาจจะสวยงานไม่แพ้ของมนุษย์ เมืองนี้มีหิมะปกคลุมตามบ้านหลังเล็กหลังน้อย คงเพราะว่าที่นี่เป็นเขตแดนด้านเหนือจึงทำให้อากาศเย็นกว่าของมนุษย์ เลยกำแพงเมืองกว้างใหญ่ไปก็เป็นทิวเขาหิมะลูกเล็กใหญ่ ดูสวยงามอย่างมาก และที่น่าแปลกใจคือคุณรู้สึกเหมือนเคยเห็นทิวทัศน์นี้มาแล้วอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากยืนทึ่งกับทิวทัศน์ได้ไม่นานคุณก็นึกถึงภารกิจที่ได้รับมา ทำให้คุณลืมเรื่องทิวทัศน์ที่นึกถึงเมื่อครู่ไปหมดแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังวังของราชาปีศาจ

หลังจากคุณมาถึงหน้าราชวังของราชาปีศาจในตอนกลางคืนแล้วคุณก็ตัดสินใจที่จะ

C บุกเข้าไปทางด้านหน้าวัง
D หาทางเข้าทางด้านหลัง

C คุณเลือกที่จะเข้าไปทางด้านหน้าวัง หวังว่าจะพบกับพระราชาปีศาจโดยไว หลังจากนั้นโดยที่ทหารเฝ้าหน้าประตูวังยังไม่ทันสังเกตุเห็น เงาของคุณก็พุ่งกระโจนพังประตูหน้าราชวังอย่างง่ายดาย ภายในห้องโถงใหญ่มีทหารประจำอยู่ 5-6 คน คุณมองไปรอบๆก็สบตากับพระราชาที่กำลังตกตะลึงอยู่ คุณรีบจัดการกับทหารทั้งหมดทันที ด้วยความสามารถของคุณทำให้ยังไม่มีใครสามารถตั้งตัวได้ทัน คุณก็จัดการกับทหารทั้งหมดได้ในเสี้ยววินาที หลังจากนั้นคุณก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดย ปล่าวประโยชน์ คุณรีบตรงเข้าไปพร้อมกับเอาดาบสั้นแทงปลิดชีพราชาปีศาจขึ้นไปทันที

ในทันทีที่มีดฝังลงไปในร่างของราชาปีศาจคุณรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ อะไรบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ด้วยความสับสนและตระหนก คุณรีบออกจากพระราชวังอย่างรวดเร็วและรีบหาทางกลับเมือง Sanctuary ทันที
คุณใช้เวลาเพียงครึ่งวัน ภายในรุ่งเช้าคุณก็มาถึงหน้าปราสาท ทหารที่มาเฝ้ายามปราสาทก็ตกใจมากที่พบคุณกลับมาด้วยความเร็วมากกว่าที่คาดไว้มาก ทหารจึงบอกให้คุณรออยู่ด้านหน้าก่อน จากนั้นทหารก็รีบเข้าปราสาทไปแจ้งข่าวกับพระราชา จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเรียกให้คุณเข้าไปในปราสาท คุณก็รีบเดินเข้าไปด้านใน

พระราชาดูเหมือนจะสังเกตุเห็นสีหน้าของคุณจุงพูดขึ้น

เจ้าคงมีคำถามอยากจะถามเราหลายเรื่อง เจ้าอยากรู้อะไรก่อน

ผมจริงๆแล้วผมเป็นใครกันแน่….’ คุณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระส่ำกระส่ายในใจว้าวุ่นไปหมดหวังเพียงแค่ว่าจะได้พบกับคำตอบแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม

ข้าจะตอบตามความจริงแล้วกันเจ้าเป็นใครนั้นข้าเองก็ไม่รู้ ข้าตอบได้เพียงว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์

ไม่ใช่มนุษย์!’ หมายความว่าอย่างไรกัน? ที่พระราชาพูดนั้นหมายถึงอะไรกันแน่ ในหัวคุณมีแต่คำถามและความไม่สบายใจ

ข้าหมายความว่าเจ้าเป็นปีศาจไงล่ะ ข้าคิดว่าเจ้าคงสูญเสียความทรงจำแล้วคิดว่าตนเองเป็นมนุษย์

‘!!!’ หลังจากคำพูดนั้นของพระราชาคุณก็ไม่ได้ยินเสียงของพระราชาที่พูดต่ออีก ในหัวคุณคิดแต่เพียงว่าสิ่งที่คุณทำมาทั้งหมดนั่นคืออะไร คุณฆ่าราชาปีศาจ พระราชาของตนเอง แถมคุณยังเป็นคนทำลายอณาจักรปีศาจทั้งหมด เพราะคุณรู้ดีว่าหากเมืองขาดผู้นำแล้ว ประชาชนไม่มีทางจะจัดการตัวเองได้ทันก่อนที่จะโดนมนุษย์บุกอย่างแน่นอน

แกแสดงว่าที่แกพูดมาทั้งหมด แกจงใจให้ฉันไปฆ่าพระราชาของตัวเองใช่มั้ย!’

ฉันก็แค่ใช้โอกาสที่ได้ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ฉันเองก็ไม่อยากให้ประชาชนของฉันล้มตายไปมากกว่านี้ ในหัวคุณตอนนี้ไม่ได้นำคำพูดของพระราชามาคิดต่อใดๆทั้งสิ้น คุณเพียงแต่ย้อนไปคิดถึงอดีต แล้วก็โทษตัวเองที่ทำไมไม่เอะใจ ทั้งพฤติกรรมแปลกๆของชาวเมือง ทหารยามที่เข้ามาจับ คำพูดที่ชาวบ้านพูดกับตน การที่พระราชาไม่ให้ห้องน้ำในปราสาท แม้กระทั่งภาพทิวทัศน์ที่คุ้นเคยของเมืองปีศาจ ทำไมคุณถึงไม่เคยสังเกตุเห็นสิ่งพวกนี้จนมันสายไป

จากความเสียใจกลายเป็นความเคียดแค้น แต่คุณไม่รู้จะโยนความแค้นนี้ไปที่ใครจนในที่สุดคุณก็ตัดสินใจโยนความแค้นนี้ไปให้กับพระราชา

แกเพราะแก…!!’ คุณเตรียมพร้อมที่จะกระโจนใส่พระราชา แต่พระราชาก็พูดคำพูดหนึ่งก่อนที่คุณจะทำอะไร
ถ้าเจ้าคิดว่าฆ่าเราแล้วอะไรจะดีขึ้นก็ทำเถอะ ทหารที่อยู่ที่วังนี้ยังไงก็หยุดเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว แต่เจ้าคิดบ้างรึเปล่าว่าหากข้าตายไป ประชาชนของทั้งสองเผ่าจะเป็นอย่างไรพระราชาเว้นวรรคครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ

หากผู้นำของทั้งสองฝั่งตายไปพร้อมกันล่ะก็ประชาชนก็จะขาดผู้นำ การปล้น ฆ่า ความขาดแคลน ความอดอยาก ก็จะเกิดขึ้นทั่วทุกหย่อมหญ้า เจ้าอยากได้แบบนั้นหรือ

ในฐานะที่เจ้าหยุดสงครามให้กับข้าทำให้คนของข้าไม่ล้มตายไปมากกว่านี้  ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ฆ่าผู้คนของเผ่าปีศาจที่ยอมแพ้ให้กับมนุษย์

ได้ฟังดังนั้นถึงแม้ในใจของคุณจะมีความแ ค้นมากมายเพียงได้ แต่จิตใจของคุณก็เป็นห่วงเหล่าชาวบ้านชนบทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ในที่สุดคุณก็ยอมถอยออกห่างจากพระราชา และรีบหายตัวไปจากปราสาทโดยที่หลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็นคุณอีกเลย


หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปได้ 3 ปี มนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธ์ที่มีความยิ่งใหญ่และมั่งคั่ง โดยมนุษย์ได้ส่งคนไปปกครองเผ่าปีศาจ ถึงแม้เผ่าปีศาจจะอยู่อย่างยากลำบากเพราะความแตกต่างทางเผ่าพันธ์แต่พระราชาก็รักษาคำพูดที่ให้ไว้ โดยไม่ได้ฆ่าเผ่าปีศาจไปมากกว่านี้และยังสนับสนุนให้มีการอยู่ร่วมกันมากขึ้น ถึงแม้ว่ามนุษย์จะยังมีอำนาจเหนือกว่าอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ดี ไม่มีใครพบเห็นทหารปีศาจผู้สูญเสียความทรงจำนั้นอีกเลย สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันในหมู่มนุษย์และปีศาจรุ่นหลังสืบไป(END)